PM2.5 หรือ Particulate Matter 2.5 คือ อนุภาคขนาดเล็กที่มีขนาดเท่ากับหรือน้อยกว่า 2.5 ไมโครเมตร ซึ่งมีสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ และสามารถกระจายไปทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว ต้นกำเนิดของ PM2.5 สามารถมาจากแหล่งต่าง ๆ เช่นการเผาไหม้พลังงานทางชีวภาพและหุ่นยนต์, การเผาไหม้ของพลังงานที่ใช้เชื้อเพลิงแบบไม่สะอาด เช่น ถ่านหินและน้ำมันเตา, การเผาไหม้ขยะและการทำงานของอุตสาหกรรม รวมถึงการปล่อยสารเคมีอื่น ๆ เช่น ก๊าซออกซิเจน, ก๊าซไนโตรเจน, และก๊าซไซเยอร์
ผลกระทบต่อสุขภาพของ PM2.5 สามารถทำให้เกิดอาการเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยในระยะสั้นและระยะยาวได้ ในระยะสั้น PM2.5 สามารถทำให้เกิดอาการระคายเคืองในทางเดินหายใจ เช่น การไอ การจาม และคัดจมูก ในบางกรณี อาจเกิดอาการเสียดท้อง คลื่นไส้ และหายใจลำบากได้ นอกจากนี้ PM2.5 ยังมีความสามารถในการฝังตัวลึกลงไปถึงปอด ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น ภาวะที่เกี่ยวกับหอบหืด ภาวะที่เกี่ยวกับกระดูกพรุนที่กระบวนการย่อยได้ยาก และภาวะที่เกี่ยวกับโรคหัวใจและหลอดเลือด
การใช้เครื่องฟอกอากาศภายในบ้านเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยลดปริมาณ PM2.5 และสารประกอบอื่น ๆ จากอากาศในบ้านได้ ซึ่งการใช้เครื่องฟอกอากาศสามารถมีประโยชน์อย่างมากสำหรับบุคคลที่อาศัยในพื้นที่ที่มีระดับมลพิษของอากาศสูง หรือสำหรับบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
เครื่องฟอกอากาศสามารถทำการกรองอนุภาคขนาดเล็กออกจากอากาศ ซึ่งรวมถึง PM2.5 และ PM10 ที่มีขนาดใหญ่กว่า 2.5 ไมโครเมตร นอกจากนี้ เครื่องฟอกอากาศยังสามารถกรองสารเคมีอื่น ๆ ที่อาจปนเปื้อนอยู่ในอากาศ เช่น กลิ่น, สารก่อภูมิแพ้, และเชื้อโรค การใช้เครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมภายในบ้านอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับอากาศมลพิษ
ในการเลือกซื้อเครื่องฟอกอากาศสำหรับบ้านควรพิจารณาคุณสมบัติของเครื่อง ได้แก่ ประสิทธิภาพการกรองอากาศ ระบบกรองที่ใช้ เช่น HEPA filter ที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบหมุนเพื่อกรองอากาศในห้อง ปริมาณอากาศที่เครื่องสามารถกรองได้ในหน่วยลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง และระยะเวลาการเปลี่ยนตัวกรองภายในเครื่อง รวมถึงการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพอากาศภายในบ้าน เพื่อให้ได้ระบบเครื่องฟอกอากาศที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการบำบัดอากาศในบ้านได้อย่างเหมาะสม